กรกฎาคม 27, 2564 | โพสต์โดย IBSC
ในช่วงที่ฝนตกเป็นประจำหลายคนคงทำใจปล่อยให้รถมีคราบเขรอะไปทั้งอย่างนั้น
ด้วยความคิดที่ว่า ถึงล้างไปเดี๋ยวก็ต้องเลอะเทอะใหม่อยู่ดี แต่จริงๆ
แล้ว
ถ้ายิ่งไม่ล้างก็จะยิ่งทำให้เกิดคราบฝังแน่นและทำให้สีรถยนต์มัวหมอง
ทีนี้ล่ะเจองานหนักกว่าเดิมแน่นอน
เพราะทั้งน้ำฝนและแสงแดดเจิดจ้าในฤดูฝนนั้นถือเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อสีรถยนต์ของเราเลย
ฉะนั้นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่าน้ำฝนส่งผลเสียต่อสีรถยนต์ยังไงบ้าง
และจะมีวิธีไหนที่จะช่วยให้รถสะอาด สวยเหมือนใหม่ได้ตลอดทั้งฤดู
ถ้าดันเผลอไปคิดว่าน้ำฝนก็เหมือนน้ำเปล่า ไม่ได้มีผลอะไรต่อรถยนต์
นั่นจัดว่าผิดมหันต์เลยนะ! เนื่องจากสภาพมลภาวะจากกิจกรรมต่างๆ
ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม
หรือการเผาไหม้น้ำมันของยานพาหนะ ล้วนทำให้เกิดสารกรดในบรรยากาศ
ส่งผลให้ฝนที่ตกลงมานั้นมีความเป็นกรดด้วย
โดยปกติน้ำฝนจะมีความเป็นกรดอ่อนๆ (มีค่า pH ประมาณ 5.6)
แต่ถ้าพื้นที่ไหนมีมลพิษในอากาศสูง
ความเป็นกรดในน้ำฝนก็จะสูงตามจนอาจทำให้เกิดเป็น “ฝนกรด” (มีค่า pH
ต่ำกว่า 5.6) ก็เป็นได้
ที่สำคัญความเป็นกรดนั้นมีฤทธิ์ทำให้วัสดุต่างๆ สึกกร่อนได้
ไม่เว้นแม้แต่สีรถยนต์ของเรา
ถ้าดันเผลอไปคิดว่าน้ำฝนก็เหมือนน้ำเปล่า ไม่ได้มีผลอะไรต่อรถยนต์
นั่นจัดว่าผิดมหันต์เลยนะ! เนื่องจากสภาพมลภาวะจากกิจกรรมต่างๆ
ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม
หรือการเผาไหม้น้ำมันของยานพาหนะ ล้วนทำให้เกิดสารกรดในบรรยากาศ
ส่งผลให้ฝนที่ตกลงมานั้นมีความเป็นกรดด้วย
โดยปกติน้ำฝนจะมีความเป็นกรดอ่อนๆ (มีค่า pH ประมาณ 5.6)
แต่ถ้าพื้นที่ไหนมีมลพิษในอากาศสูง
ความเป็นกรดในน้ำฝนก็จะสูงตามจนอาจทำให้เกิดเป็น “ฝนกรด” (มีค่า pH
ต่ำกว่า 5.6) ก็เป็นได้
ที่สำคัญความเป็นกรดนั้นมีฤทธิ์ทำให้วัสดุต่างๆ สึกกร่อนได้
ไม่เว้นแม้แต่สีรถยนต์ของเรา
ซื้อประกันที่นี่ บริการดีมากๆเลยครับ ให้คำปรึกษาด้านประกันได้ดีมากๆ พนักงาน ทุกคนให้คำแนะนำในด้านการบริการ และ ข้อมูลประกันได้ครบถ้วนดีมากๆเลยครับ